Home         Book Reviews         Business Trips        Technical Visits        About Me
Wut Sookcharoen
Book Reviews by วุฒิ สุขเจริญ
 
Konosuke Matsusshita Title: Guidelines for Leaders
Author: Konosuke Matsushita
My Rating: วุฒิ สุขเจริญ
 
 

Summary
              หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่ 3 ในชุดของ The Art and Wisdom of Management ที่ถ่ายทอดแนวคิดการบริหารของ Konosuke Matsushita เล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้นำ โดยแบ่งเนื้อหาเป็น 5 บท ผมสรุปเนื้อหาใจความและประเด็นสำคัญของแต่ละบทดังนี้ครับ

Chapter One: Employees
พูดเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ และบทบาทของหัวหน้า
มีข้อคิดดี ๆ สำหรับบทนี้คือ การมีทัศนคติเชิงบวกต่อทั้งจุดเด่นและจุดด้อยของพนักงาน
เพื่อให้การเลื่อนตำห่าง แต่มันเป็นหน้าที่ของหัวหน้าที่ต้องบริการจัดการเรื่องพนักงานให้มีความเหมาะสมกับงาน ข้อสำคัญการไม่ปัดความผิดให้พนักงานเมื่องานไม่สำเร็จ เพราะความไม่สำเร็จหัวหน้ามีส่วนในการสร้างทีมงานที่ไม่เหมาะสม จึงควรหาทางแก้ไขและเพิ่มประสิทธิ์ภาพ

Chapter Two: Attitudes and Discipline
พูดเกี่ยวกับภาพใหญ่ขององค์กรที่ต้องสร้างความเชื่อมั่น (ความศรัทธา) การทำงานที่มีประสิทธิผล พนักงานต้องมีความเชื่อมั่นที่จะทำ อย่างก็ดีต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตนด้วย “ความเชื่อมั่นที่ไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนก็เหมือนกับเป็นอันธพาล” นอกจากนั้นพนักงานต้องมีความสุขหรือสนุกกับงานที่ได้รับมอบหมาย นอกจากนั้นเราควรพัฒนาตนเอง วันหยุดประจำสัปดาห์ 2 วัน ควรแบ่งเป็นเวลาพักและเวลาที่ใช้ในการพัฒนาตนเอง

Chapter Three: Organization
มีคำเด็ด ๆ เช่น Bureaucracy Blocks Communication คือในองค์กรใหญ่ ๆ จะมีชั้นของการบริหาร สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องขัดขวางในการสื่อสารภายในองค์กร ทั้งจากบนลงสู่ล่าง และจากล่างขึ้นสู่บน องค์กรในปัจจุบันมีคนที่ประสบการณ์เยอะและมีอายุการทำงานที่เยอะอยู่แล้ว แต่อาจขาดคนที่เชี่ยวชาญในเทคโนโลยีหรือข้อมูลใหม่ ๆ บางครั้งคนทำงานเก่า ๆ ก็ถูกท้าทายโดยคนเก่งรุ่นใหม่ ๆ คนส่วนใหญ่ที่มีอยู่มักมีความสามารถในการทำงานแบบปกติ แต่มีส่วนน้อยที่สามารถจัดการเมื่อองค์กรต้องมีเหตุฉุกเฉินหรือต้องมีการพัฒนาเป็นพิเศษ


Chapter Four: Responsible Management
ผู้ที่ตัดสินใจต้องรับผิชอบในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจ บ่อยครั้งที่เกิดความล้มเหลวหัวหน้ามักโทษว่าเป็นความผิดของลูกน้อง ผู้เขียนได้นำเสนอแนวคิด autonomous management คือการกระจายการตัดสินใจ พนักงานระดับล่างที่มีหน้าที่ก็ควรมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าทำอย่างไรให้หน้าที่ของตนสามารถปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิผลและประสิทธ์ภาพ

Chapter Five: Learning
ปัญหาคือครูที่ดี ผู้เขียนใช้คำว่า Recession Academy หมายถึงเราจะไม่ค่อยพัฒนาตัวเองตอนที่ทุกอย่างยังไปได้ดี มีคำศัพท์อยู่คำหนึ่งที่ผมให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือคำว่า Weakness of the intellectual คือสิ่งที่เราเรียนรู้มาก่อนทำให้เราถูกทำให้คล้อยตามว่า มันเป็นไปไม่ได้ มันยาก ดังนั้นเราจึงแพ้ก่อนที่จะลงมือทำ การใช้ความรู้จึงต้องอาศัยองค์ประกอบอื่น ๆ เช่น การประยุกต์กับสถานการณ์จริง ผู้เขียนบอกว่าเหมือนการชิมเกลือ คือเราอาจมีความรู้ว่าเกลือเค็ม แต่เราก็ไม่รู้ว่าเค็มคืออะไรจนกว่าเราจะชิมมันด้วยตัวเอง

My Opinion
Konosuke Matsushita เป็นหนึ่งในผู้นำด้านบริหารธุรกิจของญี่ปุ่น ได้รับการยอมรับทั้งจากคนญี่ปุ่นและคนต่างประเทศ อย่างไรก็ดีการให้คะแนนหนังสือเล่มนี้ ผมก็คงต้องเน้นย้ำว่าแค่เป็นความคิดเห็นส่วนตัว หนังสือเล่มนี้ให้แนวคิดบางประเด็นที่เป็นแนวคิดเฉพาะตัว เช่น Bureaucracy Blocks Communication หรือWeakness of the intellectual ซึ่งอันนี้ผมชอบนะ แต่ก็มีสิ่งที่ผมไม่ชอบ (อันนี้ส่วนตัวนะครับ) คือ เนื้อหาที่นำเสนอเป็นด้าน ๆ ก็เลย ทำให้หารูปแบบหรือข้อสรุปยาก ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ แค่ผมไม่ชอบ ผมเลยให้คะแนน 3 ดาว ครับ

Chapter One: Employees
พูดเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ และบทบาทของหัวหน้า
มีข้อคิดดี ๆ สำหรับบทนี้คือ การมีทัศนคติเชิงบวกต่อทั้งจุดเด่นและจุดด้อยของพนักงาน
เพื่อให้การเลื่อนตำห่าง แต่มันเป็นหน้าที่ของหัวหน้าที่ต้องบริการจัดการเรื่องพนักงานให้มีความเหมาะสมกับงาน ข้อสำคัญการไม่ปัดความผิดให้พนักงานเมื่องานไม่สำเร็จ เพราะความไม่สำเร็จหัวหน้ามีส่วนในการสร้างทีมงานที่ไม่เหมาะสม จึงควรหาทางแก้ไขและเพิ่มประสิทธิ์ภาพ

Chapter Two: Attitudes and Discipline
พูดเกี่ยวกับภาพใหญ่ขององค์กรที่ต้องสร้างความเชื่อมั่น (ความศรัทธา) การทำงานที่มีประสิทธิผล พนักงานต้องมีความเชื่อมั่นที่จะทำ อย่างก็ดีต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตนด้วย “ความเชื่อมั่นที่ไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนก็เหมือนกับเป็นอันธพาล” นอกจากนั้นพนักงานต้องมีความสุขหรือสนุกกับงานที่ได้รับมอบหมาย นอกจากนั้นเราควรพัฒนาตนเอง วันหยุดประจำสัปดาห์ 2 วัน ควรแบ่งเป็นเวลาพักและเวลาที่ใช้ในการพัฒนาตนเอง

Chapter Three: Organization
มีคำเด็ด ๆ เช่น Bureaucracy Blocks Communication คือในองค์กรใหญ่ ๆ จะมีชั้นของการบริหาร สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องขัดขวางในการสื่อสารภายในองค์กร ทั้งจากบนลงสู่ล่าง และจากล่างขึ้นสู่บน องค์กรในปัจจุบันมีคนที่ประสบการณ์เยอะและมีอายุการทำงานที่เยอะอยู่แล้ว แต่อาจขาดคนที่เชี่ยวชาญในเทคโนโลยีหรือข้อมูลใหม่ ๆ บางครั้งคนทำงานเก่า ๆ ก็ถูกท้าทายโดยคนเก่งรุ่นใหม่ ๆ คนส่วนใหญ่ที่มีอยู่มักมีความสามารถในการทำงานแบบปกติ แต่มีส่วนน้อยที่สามารถจัดการเมื่อองค์กรต้องมีเหตุฉุกเฉินหรือต้องมีการพัฒนาเป็นพิเศษ


Chapter Four: Responsible Management
ผู้ที่ตัดสินใจต้องรับผิชอบในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจ บ่อยครั้งที่เกิดความล้มเหลวหัวหน้ามักโทษว่าเป็นความผิดของลูกน้อง ผู้เขียนได้นำเสนอแนวคิด autonomous management คือการกระจายการตัดสินใจ พนักงานระดับล่างที่มีหน้าที่ก็ควรมีสิทธิ์ตัดสินใจว่าทำอย่างไรให้หน้าที่ของตนสามารถปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิผลและประสิทธ์ภาพ

Chapter Five: Learning
ปัญหาคือครูที่ดี ผู้เขียนใช้คำว่า Recession Academy หมายถึงเราจะไม่ค่อยพัฒนาตัวเองตอนที่ทุกอย่างยังไปได้ดี มีคำศัพท์อยู่คำหนึ่งที่ผมให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือคำว่า Weakness of the intellectual คือสิ่งที่เราเรียนรู้มาก่อนทำให้เราถูกทำให้คล้อยตามว่า มันเป็นไปไม่ได้ มันยาก ดังนั้นเราจึงแพ้ก่อนที่จะลงมือทำ การใช้ความรู้จึงต้องอาศัยองค์ประกอบอื่น ๆ เช่น การประยุกต์กับสถานการณ์จริง ผู้เขียนบอกว่าเหมือนการชิมเกลือ คือเราอาจมีความรู้ว่าเกลือเค็ม แต่เราก็ไม่รู้ว่าเค็มคืออะไรจนกว่าเราจะชิมมันด้วยตัวเอง
 
My Opinion
       Konosuke Matsushita เป็นหนึ่งในผู้นำด้านบริหารธุรกิจของญี่ปุ่น ได้รับการยอมรับทั้งจากคนญี่ปุ่นและคนต่างประเทศ อย่างไรก็ดีการให้คะแนนหนังสือเล่มนี้ ผมก็คงต้องเน้นย้ำว่าแค่เป็นความคิดเห็นส่วนตัว หนังสือเล่มนี้ให้แนวคิดบางประเด็นที่เป็นแนวคิดเฉพาะตัว เช่น Bureaucracy Blocks Communication หรือWeakness of the intellectual ซึ่งอันนี้ผมชอบนะ แต่ก็มีสิ่งที่ผมไม่ชอบ (อันนี้ส่วนตัวนะครับ) คือ เนื้อหาที่นำเสนอเป็นด้าน ๆ ก็เลย ทำให้หารูปแบบหรือข้อสรุปยาก ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ แค่ผมไม่ชอบ ผมเลยให้คะแนน 3 ดาว ครับ
 
 
  
 
"Guidelines for Leaders" reviewed by วุฒิ สุขเจริญ Contact Me:  bestofsiam@hotmail.com